
ขนส่งจากจีนทางเรือ & ทางรถ ควรเลือกใช้ตอนไหนถึงจะคุ้ม?
การขนส่งสินค้าจากจีนเข้ามาไทยมีหลายวิธี แต่ที่คนมักเลือกใช้กันมากที่สุดคือ ขนส่งจากจีนทางเรือ และ ขนส่งจากจีนทางรถ แล้วคำถามคือ... จะเลือกแบบไหนดี? แบบไหนคุ้มกว่า? ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังวางแผนนำเข้าสินค้าจากจีนอยู่ บทความนี้เราจะพาไปเจาะลึก เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย พร้อมแนะนำการเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณที่สุด
เข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการขนส่งจากจีน
ทำไมต้องนำเข้าสินค้าจากจีน ?
จีนถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าราคาถูกและหลากหลายที่สุดในโลก ทำให้หลายธุรกิจไทยหันมานำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อขายต่อ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นง่าย ต้นทุนต่ำ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีน ต้องรู้อะไรบ้าง
ขนส่งจากจีนมีกี่แบบ ?
หลัก ๆ การขนส่งจากจีนมาไทยมี 2 แบบ ได้แก่ :
- ขนส่งจากจีนทางเรือ
- ขนส่งจากจีนทางรถ
ในบทความนี้เราจะเน้นที่ทางเรือและทางรถ ซึ่งเป็นวิธีที่ คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนทำธุรกิจ
ขนส่งจากจีนทางเรือ คืออะไร ?
ลักษณะของการขนส่งทางเรือ
- เหมาะสำหรับสินค้าจำนวนมาก หรือสินค้าที่ไม่เร่งด่วน
- ใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ย 12-25 วัน (ขึ้นกับเส้นทางและด่านศุลกากร)
- มีทั้งแบบ LCL (รวมตู้) และ FCL (เหมาทั้งตู้)
ข้อดีของการขนส่งจากจีนทางเรือ
- ราคาถูกที่สุด ต่อหน่วยน้ำหนัก
- ขนส่งของขนาดใหญ่หรือปริมาณมากได้สะดวก
- มีเส้นทางขนส่งที่เสถียร
ข้อเสียของการขนส่งทางเรือ
- ใช้เวลานานกว่าทางอื่น
- เสี่ยงเจอพายุ หรือดีเลย์จากด่านศุลกากร
- ไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องรีบวางขาย
ถ้าคุณเน้นต้นทุนต่ำ และวางแผนล่วงหน้าได้ การเลือก ขนส่งจากจีนทางเรือ ถือว่าคุ้ม!
ขนส่งจากจีนทางรถ คืออะไร ?
ลักษณะของการขนส่งทางรถ
- ใช้เส้นทางทางบก
- ระยะเวลาประมาณ 4-7 วัน
- เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความเร็วมากกว่าทางเรือ
ข้อดีของการขนส่งจากจีนทางรถ
- เร็วกว่า ทางเรือ
- สะดวกสำหรับสินค้าขนาดกลาง-เล็ก
- ขนส่งได้บ่อยและมีรอบถี่กว่า
ข้อเสียของการขนส่งจากจีนทางรถ
- ราคาต่อกิโลสูงกว่าทางเรือ
- ความเสี่ยงจากด่านตรวจตามเส้นทางบก
- ปริมาณสินค้าขนส่งต่อเที่ยวอาจน้อยกว่าทางเรือ
ถ้าคุณเน้นความเร็ว และต้นทุนไม่สูงมาก การเลือก ขนส่งจากจีนทางรถ ก็ถือว่าตอบโจทย์!
ตารางเปรียบเทียบ ขนส่งจากจีนทางเรือ vs ทางรถ
รายการเปรียบเทียบ | ขนส่งทางเรือ | ขนส่งทางรถ |
ความเร็วในการขนส่ง | 12-25 วัน | 4-7 วัน |
ต้นทุนต่อหน่วยน้ำหนัก | ต่ำมาก | สูงกว่าทางเรือ |
ปริมาณที่เหมาะสม | ปริมาณมาก-หนัก | ปริมาณกลาง-เล็ก |
ความถี่ในการจัดส่ง | น้อยกว่าทางรถ | บ่อยกว่า |
ความเสี่ยงจากด่าน & ภูมิอากาศ | กลาง-สูง | กลาง |
เหมาะกับผู้เริ่มต้น | ถ้าวางแผนล่วงหน้าได้ | ถ้ารีบใช้สินค้าหรือทดลองตลาด |
แล้วแบบไหนคุ้มกว่ากัน ?
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคุณ
ถ้าเน้น “ต้นทุน” มาก่อน ให้เลือก ขนส่งจากจีนทางเรือ
ถ้าเน้น “ความเร็ว” และ “สินค้าทดลองตลาด” เลือก ขนส่งจากจีนทางรถ
ตัวอย่างสถานการณ์
- นำเข้าเฟอร์นิเจอร์จำนวนมาก: ทางเรือคุ้มสุด
- สั่งของล็อตเล็กเพื่อขายตามกระแส: ทางรถไวกว่า
- ธุรกิจใหม่ทดลองนำเข้า 5 กล่อง: เริ่มจากทางรถก่อน แล้วค่อยขยายไปทางเรือ
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาก่อนเลือกวิธีขนส่ง
ภาษีนำเข้าและค่าใช้จ่ายแฝง
ภาษีและค่าธรรมเนียมศุลกากรมีผลต่อราคาสุดท้าย อ่านเพิ่มเติมที่ สั่งของจากจีนต้องเสียภาษีไหม? เสียเท่าไหร่ ?
ความสะดวกในการจัดการสินค้า
- ใช้ คาร์โก้จีน หรือบริษัทนำเข้า จะช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก
- บางบริษัทให้บริการตั้งแต่รับของที่จีน ไปจนถึงส่งถึงบ้านในไทย เช่น SM CARGO บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน
- ธุรกิจใหม่ทดลองนำเข้า 5 กล่อง: เริ่มจากทางรถก่อน แล้วค่อยขยายไปทางเรือ
วิธีคำนวณต้นทุนให้มีกำไร
ไม่ใช่แค่ค่าขนส่ง ต้องรวมค่าภาษี ค่าเคลียร์ของ ค่าขนส่งในประเทศด้วย อ่านต่อที่ เทคนิคคำนวณต้นทุนสินค้านำเข้าจากจีนให้มีกำไร
เลือกใช้บริษัทนำเข้า หรือสั่งเองดี
- สั่งเอง : ต้องมีความเข้าใจเรื่องภาษี ขนส่ง และการติดต่อกับโรงงานจีน
- ใช้บริษัทนำเข้า (คาร์โก้) : สะดวก ประหยัดเวลา เหมาะกับคนเริ่มต้น
แหล่งสั่งซื้อสินค้าจากจีนยอดนิยม
- 1688: ราคาถูก เหมาะกับซื้อส่ง
- Alibaba: เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่
- Xianyu: เหมาะสำหรับสินค้ามือสองหรือของหายาก
- Dewu: เน้นสินค้าแฟชั่นและสนีกเกอร์แท้
- Tmall: สินค้าคุณภาพสูงจากแบรนด์จีนและต่างประเทศ
สรุป: จะเลือกขนส่งจากจีนทางเรือ หรือทางรถดี

ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายทางธุรกิจ ของคุณ:
- ถ้าเน้นต้นทุนต่ำ : ไปทางเรือ
- ถ้าเน้นเร็ว : ไปทางรถ
- ถ้าไม่แน่ใจ → ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก SM CARGO ได้เลย ทีมงานพร้อมแนะนำเส้นทางและวิธีที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
เริ่มต้นนำเข้าสินค้าจากจีนให้คุ้มค่า ปลอดภัย และไร้กังวลกับบริการจาก SM CARGO บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน ผู้เชี่ยวชาญด้านขนส่งจีนที่คุณไว้วางใจได้