Loading...
Skip to Content



home > knowledge > สั่งของจากจีนต้องเสียภาษีไหม ? เสียเท่าไหร่ ?

วิธีคำนวณภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน สินค้าที่โดนภาษี สั่งแบบไหนที่จะไม่โดนภาษี

สั่งของจากจีนต้องเสียภาษีไหม ? เสียเท่าไหร่ ?

หลายคนที่เริ่มต้น นำเข้าสินค้าจีน หรือ สั่งของจากจีน อาจสงสัยว่า "ถ้าสั่งของเข้ามาขายในไทย ต้องเสียภาษีไหม?" หรือ "ภาษีนำเข้าเขาคิดยังไงกันแน่"

บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย พร้อมแนะนำเคล็ดลับลดความเสี่ยงในการโดนภาษี และวางแผนต้นทุนได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะสำหรับใครที่กำลังเริ่มต้น ธุรกิจขายของจีน หรือ อยากขายของจีน ต้องห้ามพลาด!!

ภาษีนำเข้าคืออะไร ทำไมต้องจ่าย

เมื่อคุณสั่งของจากต่างประเทศ (รวมถึงจีน) เข้ามาในไทย รัฐบาลจะเรียกเก็บ “ภาษีนำเข้า” หรือที่เรียกกันว่า “Import Duty” ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากมูลค่าของสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ

หมายเหตุ : ไม่ใช่สินค้าทุกชิ้นต้องเสียภาษี ขึ้นอยู่กับมูลค่าและประเภทสินค้าที่นำเข้า

สรุปชัด ๆ : สั่งของจากจีน ต้องเสียภาษีเมื่อไหร่ ?

✅ ต้องเสียภาษี กรณี :

  • สินค้ามี มูลค่ารวม (รวมค่าส่ง) เกิน 1,500 บาท
  • สินค้าจัดอยู่ในหมวดที่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า

❌ ไม่ต้องเสียภาษี กรณี :

  • สินค้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท (รวมค่าส่งแล้ว)
  • ของขวัญหรือของใช้ส่วนตัว (ต้องพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่เพื่อการค้า)

สินค้าแบบไหนที่มักโดนภาษี

ตัวอย่างสินค้าเสี่ยงโดนภาษี :

  • เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น หูฟัง, ไฟวงแหวน
  • เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ DIY
  • ของเล่น, อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง

📦 แนะนำ: ก่อนสั่งของ ลองตรวจสอบ HS Code เพื่อดูว่าอยู่ในหมวดที่ต้องเสียภาษีหรือไม่

วิธีคำนวณภาษีนำเข้าเบื้องต้น

1. ภาษีนำเข้า (Import Duty): ประมาณ 0%–30% แล้วแต่ประเภทสินค้า

2. VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม): 7% คิดจาก (มูลค่าสินค้า + ค่าขนส่ง + ภาษีนำเข้า)

ตัวอย่าง : สั่งหูฟังจากจีน มูลค่า 2,000 บาท ค่าขนส่ง 200 บาท

  • มูลค่ารวม = 2,200 บาท
  • ภาษีนำเข้า 10% = 220 บาท
  • VAT 7% ของ (2,200 + 220) = 169.4 บาท
  • รวมภาษีทั้งหมด = 389.4 บาท
  • ยอดที่ต้องจ่ายรวม = 2,589.4 บาท

เพื่อให้วางแผนธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้น อย่าลืมดู เทคนิคคำนวณต้นทุนสินค้านำเข้าจากจีนให้มีกำไร ที่จะช่วยให้คุณประเมินต้นทุนได้ครอบคลุมทั้งภาษี ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ

สั่งเอง vs ใช้ชิปปิ้ง แตกต่างกันยังไง ?

กรณีใช้ “ชิปปิ้ง” หรือ “Shipping Agent”

  • ภาษีส่วนใหญ่จะรวมไว้ในค่าบริการแล้ว
  • ไม่ต้องเคลียร์ภาษีเองให้ยุ่งยาก
  • แนะนำให้สอบถามก่อนว่า รวมภาษีแล้วหรือยัง

หากคุณกำลังมองหาชิปปิ้งมืออาชีพที่ช่วยเคลียร์ภาษีและส่งของถึงไทยอย่างปลอดภัย แนะนำ SM CARGO บริการนำเข้าสินค้าจีนแบบครบวงจร เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ที่ทำ ธุรกิจนำเข้าสินค้าจีน

กรณีสั่งเองผ่านแอป (เช่น 1688, Taobao, Aliexpress)

  • ถ้าใช้บริการขนส่งแบบ EMS / DHL / FedEx มักมีโอกาสถูกเรียกเก็บภาษีมากขึ้น
  • เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคา และแจ้งยอดภาษีก่อนส่งสินค้าให้

เคล็ดลับลดความเสี่ยงโดนภาษี

  • แบ่งการสั่งซื้อหลายรอบ (มูลค่าต่อรอบไม่เกิน 1,500 บาท)
  • เลือกสินค้าที่อยู่ในหมวดภาษีต่ำ
  • ใช้บริการชิปปิ้งที่รวมภาษีและเคลียร์ศุลกากรให้
  • หลีกเลี่ยงของแบรนด์เนม เพราะตรวจสอบเข้ม

หากคุณกำลังเริ่มต้น นำเข้าสินค้าจีนมาขาย หรืออยากเริ่มทำ ธุรกิจขายของจีน แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องภาษี การขนส่ง และการเคลียร์ศุลกากร ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ SM CARGO บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน ได้เลยค่ะ ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำฟรี ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้น


เฟสบุ๊คบริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน SM CARGO คาร์โก้จีน ไลน์ติดต่อสอบถาม SM CARGO บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน ชิปปิ้งจีน เบอร์โทรติดต่อ SM CARGO บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน